หลอดไฟ LED มีคุณภาพ VS ด้อยคุณภาพ

ความแตกต่างระหว่างหลอดไฟ LED ที่มีคุณภาพกับ LED ที่ด้อยคุณภาพ โดยเฉลี่ยแล้วอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยของหลอด LED นั้นจะอยู่ที่ 50,000 ชั่วโมง หรือประมาณเกือบ 6 ปี ซึ่งถือว่าเป็นอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก แต่ไม่ใช่ว่าหลอด LED ทุกดวงจะมีอายุการใช้งานที่นานขนาดนี้ เพราะแน่นอนว่าสินค้าทุกประเภทย่อมมีทั้งสินค้าที่คุณภาพสูง และคุณภาพต่ำปะปนกันไป ซึ่งในบทความนี้ LTN LIGHTING จะพูดถึงความแตกต่างของหลอด LED ทั้งสองแบบ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพมากขึ้น และเป็นตัวช่วยให้การพิจารณาในการซื้อหลอดไฟในครั้งต่อๆไป จะเป็นยังไงบ้าง ไปอ่านกันได้เลยกับบทความ ความแตกต่างระหว่างหลอดไฟ LED ที่มีคุณภาพกับ LED ที่ด้อยคุณภาพค่ะ

หลอดไฟ LED ที่มีคุณภาพกับ LED ที่ด้อยคุณภาพ

น้ำหนัก

อาจจะฟังดูแปลกว่า น้ำหนักเกี่ยวอะไรกับสินค้ามีคุณภาพหรือไม่มีคุณภาพ แต่ว่านี้คือเรื่องแรกที่เราทุกคนควรจะให้ความสนใจเลยค่ะ เพราะว่าของบางอย่างยิ่งเบายิ่งดี แต่ต้องไม่ใช่กับหลอดไฟ LED เนื่องจากหลอดไฟ LED ที่ดี จำเป็นต้องใช้วัสดุจำพวกอลูมิเนียมที่มีความสามารถในการระบายความร้อนสูง ทำให้หลอดไฟ LED นั้นต้องมีน้ำหนักค่ะ

ชิป LED

เม็ดชิป LED หลายประเภท เช่น SMD COB เป็นต้น ซึ่งจะพูดกันจริงๆแล้ว เทคโนโลยี COB จะเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า ถูกพัฒนาต่อจาก SMD มาติดๆ แต่ในผลิตภัณฑ์บางประเภท ก็ยังเลือกใช้ SMD มากกว่าเพราะทั้งสอง ต่างมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ชิปของหลอด LED มีความสำคัญอย่างมากกับอายุการใช้งาน การที่ชิปมีขนาดใหญ่จะให้แสงที่สว่างและมีเสถียรภาพมากกว่า แต่ก็มีราคาที่แพงกว่าเช่นกัน

แหล่งจ่ายไฟ

ตัวจ่ายไฟ หรือ พาวเวอร์ซัพพลายด์ เป็นหัวใจสำคัญของหลอด LED การใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน และตัวเก็บประจุที่คุณภาพต่ำ จะทำให้อายุการใช้งานของหลอด LED ลดลง

คุณภาพแสง

อีกสิ่งหนึ่งสาเหตุของต้นทุนราคาแพงในการผลิตหลอดไฟ LED ก็คือ การเคลือบขาวด้วยสารฟอสเฟอร์ (Phosphor) ซึ่งเป็นการทำเพื่อให้แสงที่ออกมามีอุณหภูมิสีช่วง 3200-4600K และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดไฟ LED นั้นมีค่า CRI (หรือ Ra) อันหมายถึงดัชนีความถูกต้องของสีสูงกว่าหลอดชนิดอื่นๆ ดังนั้น สีของวัตถุที่เรามองเห็นภายใต้หลอด LED ที่มีคุณภาพจะแทบไม่เพี้ยนไปจากของจริงนั่นเอง

แต่ด้วยความที่ราคาของฟอสเฟอร์ (Phosphor) ค่อนข้างสูง ทำให้ในหลอดไฟ LED คุณภาพต่ำอาจมีการลดต้นทุนด้วยการเคลือบฟอสเฟอร์ (Phosphor) เพียงเล็กน้อย หรือใช้สารเรืองแสงอื่นๆ ที่ถูกกว่า เช่น ฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescence) ซึ่งก็ทำให้คุณภาพของแสงที่ได้นั้นด้อยกว่าเช่นกัน

การผลิตและงานประกอบ

สุดท้ายนี้ การประกอบหลอดไฟ LED เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทั้งการออกแบบ รูปลักษณ์ และความแข็งแรง ในการเลือกซื้อหลอดไฟ LED คุณต้องหยิบมันขึ้นมาดูอย่างละเอียด งานประกอบภายนอกเองก็สามารถบอกถึงคุณภาพของหลอดไฟได้ เช่น หากพบว่าสีที่เคลือบอยู่ด้านนอกนั้นดูเลอะเทอะ ไม่เรียบร้อย มันก็มีโอกาสสูงที่วัสดุภายในจะไม่มีคุณภาพเช่นกัน

และนี่ก็คือความแตกต่างระหว่างหลอดไฟ LED ที่มีคุณภาพกับ LED ที่ด้อยคุณภาพ ที่ LTN LIGHTING ได้นำมาฝากกับทุกคนกันค่ะ

ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืม ‘กดแชร์’ เพื่อแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับคนที่คุณอยากแบ่งปัน

คุณสามารถซื้อหลอดไฟ FSL LED ได้แล้วที่ LTN LIGHTING

“มีราคาส่ง และราคาโครงการ”

คิดถึงหลอดไฟคิดถึงLTN
“เพราะ LTN ขายแต่หลอดไฟคุณภาพ และ มีบริการให้คำปรึกษาฟรี”

LTN Lighting Group co., ltd และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
📍https://goo.gl/maps/6A92drfLZXz3khfb8
☎️ 02-409-2448-50,02-026-6363
Line ID : @ltnlighting

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *